BACK TO EXPLORE

เบื้องหลังความฮอตของ LYN และ Jelly Bunny คือครีเอทีฟดีไซเนอร์คนนี้ที่ส่งตรงจากบราซิล!

เบื้องหลังความฮอตของ LYN และ Jelly Bunny คือครีเอทีฟดีไซเนอร์คนนี้ที่ส่งตรงจากบราซิล!
2 ช้อปแบรนด์ดังในสยามเซ็นเตอร์ที่มีคาแรคเตอร์ ชัดเจนสวยงามและแตกต่าง

แฟชั่นแบรนด์ที่กำลังมาแรงที่เชิญชวนให้คนที่เดินผ่านไปมาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนเข้าไปไม่ขาดสายในสยามเซ็นเตอร์ ก็คงไม่พ้นแบรนด์ดังอย่าง LYN ที่ตอนนี้กำลังดีไซน์ร้านใหม่ในคอนเซปท์หรูโดยได้ทีมตกแต่งมาจากอิตาลี ขอบอกเลยว่าคอนเซปท์นี้มีที่สยามเซ็นเตอร์เป็นที่แรก ซึ่งระหว่างที่กำลังรอเปิดร้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็มี LYN Pop Up Store ให้ช้อปรอไปพลางๆ กับร้าน Jelly Bunny ที่อยู่บนชั้น M กับฟีลลิ่งรองเท้าน่ารักสนุกๆ ที่มีน้องกระต่ายตัวใหญ่รอต้อนรับอยู่ข้างหน้า ทำให้เราอยากพูดคุยกับแรงบันดาลใจของคนที่อยู่เบื้องหลังไอเดียของสินค้าและการตกแต่งร้าน


คุณเมาริซิโอ้ เมเดอิโรส Creative Director ที่ดูแลภาพรวมให้กับแบรนด์ LYN และ Jelly Bunny และส่วนของเครื่องประดับให้ QUINN กับ Lyn Around


คุณเมาริซิโอ้เล่าเส้นทางการทำงานว่าเริ่มทำงานมาตั้งแต่อายุ 12 ปี และงานแรกก็อยู่ในสายงานผลิตรองเท้าเลยด้วย “ครอบครัวของผมอยู่ในเขตที่มีการผลิตรองเท้ามากกว่า 3,000 โรงงาน มีทั้งบริษัทของจีน ของอิตาลีที่ไปทำฐานการผลิตที่นั่น ดังนั้นบ้านผมทำงานเกี่ยวกับรองเท้ามาตลอดทำให้ตอนอายุ 12 ปี ผมได้เข้าไปคลุกคลีกับไลน์การผลิตรองเท้า ผมจำได้ว่างานแรกผมต้องนับรองเท้าและเช็คคุณภาพสินค้า”


เหตุผลที่เริ่มทำงานตั้งแต่เด็กคุณเมาริซิโอ้เล่าว่าไม่อยากขอเงินจากคุณพ่อ อยากทำงานที่หาเงินได้เอง เขาเรียนจบปริญญาตรีในบราซิลและปริญญาโทในสิงคโปร์ด้าน Digital Management จากนั้นได้มาสร้างแบรนด์และเป็นดีไซเนอร์ พอได้มาทำเป็นที่ปรึกษากับทาง Jaspal จึงต้องเดินทางมากรุงเทพก่อนออกคอลเลคชั่นใหม่  และทางผู้บริหารก็อยากให้เขามาช่วยดูแลทีมกับการสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า “ผมมีแบรนด์รองเท้าสำหรับใส่ไปงานอยู่ที่บราซิล แล้วก็เดินทางไปงานแฟร์ทั่วโลก ในปี 2004 ได้เจอกับทีม Jaspal Group ที่เยอรมัน แล้วก็ได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบให้กับ LYN มานาน 10 ปี จากนั้นในปี 2014 ก็บินมาประจำอยู่ที่เมืองไทย ผมภูมิใจมากที่ทาง Jaspal เชิญมาทำงานนี้ เขาให้การสนับสนุนผมในการมาเป็นส่วนหนึ่งในบริษัท ที่ผมย้ายมาที่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้มาทำงานบริหารจากการเคยเป็นเจ้าของแบรนด์เอง ถือว่าเป็นความท้าทายใหม่ๆ เพราะผมไม่เคยเป็นพนักงานบริษัทมาก่อน ได้มุมมองใหม่ๆ ไม่เหมือนกับตอนเป็นเจ้าของ”


รองเท้าคือสิ่งที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณความเป็นผู้หญิง
คุณเมาริซิโอ้เล่าถึงปรัชญาในการออกแบบสินค้าทุกชิ้นว่ามีพื้นฐานมาจากความเป็นเฟมินีนข้างในของผู้หญิงกลั่นกรองออกมาเป็นเรื่องราวและดีไซน์ “อย่างรองเท้าในความคิดของผมคือสิ่งที่เชื่อมโยงกับผู้หญิงอย่างแยกไม่ออก ทั้งเรื่องพฤติกรรมและจิตวิญญาณของพวกเธอ ผมเข้าใจหลังจากที่ได้เริ่มออกแบบ เป็นความเกี่ยวพันที่แนบแน่นออกมาเป็นมุมต่างๆ โดยเฉพาะความเป็นเฟมินีน การแสดงออกในความเป็นผู้หญิงที่รองเท้ามีมากกว่าเสื้อผ้าของใช้อื่นๆ เป็นความใกล้ชิดที่มีเพียง ‘รองเท้า น้ำหอม จิลเวอรี่ และชุดชั้นใน’ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้หญิงได้มากขนาดนี้ เป็นการเพิ่มพลังข้างในให้ปะทุออกมาได้เท่านั้น”

คุณเมาริซิโอ้เข้าใจในหลักปรัชญาและจิตวิทยาที่อ้างอิงมาจากหลายงานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้หญิงที่แสดงออกมาในชีวิตประจำวัน ในแง่มุมแรกเลยคือเด็กผู้หญิง 2-3 ขวบจะอยากลองรองเท้าแล้วรู้สึกเหมือนแม่ของเธอ ทำให้พวกเธอชอบใส่รองเท้าส้นสูงของแม่ นี่เป็นความเป็นเฟมินีน โดยเฉพาะในประเทศแถบตะวันตกที่คนจะใส่รองเท้าในบ้าน

“เวลาที่คนเราจะตัดสินใจอะไร เราจะมีการเปรียบเทียบของต่างๆ เช่น รองเท้าและเครื่องประดับ ผู้หญิงจะเปรียบเทียบระหว่างก่อนซื้อกับหลังซื้อ ไม่ได้เบสจากความจำเป็น แต่ซื้อตามอารมณ์และสถานการณ์ต่างๆ เช่น ฉลองอะไรซักอย่าง ไปเดท หรือเศร้า มีผลทำให้ตัดสินใจหมด เพราะเราอยากให้ตัวเองดีขึ้น อย่างรองเท้าช่วยให้ผู้หญิงมีท่าทางการเดินที่ดีขึ้น รองเท้าส้นสูงใส่แล้วดูสง่า วิธีที่นั่ง ยืน เดินขึ้นอยู่กับรองเท้าที่ใส่ และผู้หญิงจะตัดสินใจในสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับตัวเอง”


เทรนด์ผู้หญิงไทยกับเทรนด์โลก
เราถามคุณเมาริซิโอ้ว่าเทรนด์แฟชั่นในเมืองใหญ่ๆ อย่างมิลาน ลอนดอน มีผลอะไรกับการออกแบบของเขาบ้าง เขาอธิบายว่า “เทรนด์คือการบอกถึงผู้หญิงในมุมต่างๆ ของโลกเป็นยังไงบ้าง เขาแต่งตัวยังไงแล้วมีความสุข มีพฤติกรรมแบบไหน มีความรู้สึกยังไง เพราะจริงๆ แล้วผู้หญิงไทยก็มีเซนส์ของแฟชั่นคล้ายๆ กับผู้หญิงทั่วโลก บางคนอาจจะแนวโมเดิร์น บางคนแนวคลาสสิค ดังนั้นผู้หญิงไทยก็สไตลิ่งตัวเองเหมือนกับสาวนิวยอร์ค แต่ทีมดีไซเนอร์จะมีการปรับเรื่องไซส์ เพราะสาวเอเชียนจะตัวเล็กกว่าและผอมกว่า รวมทั้งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น แนวทางการออกแบบเหมือนกันแต่ฟังก์ชั่นต่างกัน ตอนนี้เราจะทำสินค้าให้มีความโกลบอลขึ้น”

 

ตรงนี้ทำให้เราสรุปได้ว่าคุณเมาริซิโอ้และทีมเข้าใจถึงความเป็นผู้หญิงและไลฟ์สไตล์ก่อนจะออกแบบแต่ละคอลเลคชั่นจริงๆ “เรามีทีมนักออกแบบที่ดี มีทั้งชาวอิตาเลียน ชาวไทย มีความเป็นมืออาชีพมาก นี่เป็นความท้าทายที่ผมจะมาดูแลทีมเพื่อสร้างสรรค์งาน ซัพพอร์ตตามวิธีการของผม และจากงานวิจัยของพฤติกรรมผู้หญิงอย่าง ในงานวิจัยเองบอกว่าผู้หญิงสนใจในเรื่องเทรนด์แฟชั่นบนโลกออนไลน์มาเป็นอันดับแรกๆ และผู้หญิงเองไม่ได้เปลี่ยนกระเป๋าทุกวัน แต่พวกเธอเปลี่ยนรองเท้าทุกวัน หรือแม้แต่กระเป๋าเองก็สร้างคุณค่าของคนที่ถือได้ด้วย เรารู้ว่าพวกเธอรู้สึกยังไง  LYN เองก็มีการศึกษาลึกซึ้งว่าลูกค้ามีพฤติกรรมยังไง ทำอะไร มิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้ารองเท้ายังไง เรารู้ว่าต้องทำยังไงเวลาที่เธอกำลังรู้สึกแบบไหน สร้างคาแรคเตอร์ขึ้นมามีทั้งผู้หญิงอายุ 20 กว่า มีความต้องการที่ต่างจากผู้หญิงอายุ 30 ประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต การทำงาน การแต่งงาน ทุกอย่างสะท้อนสไตล์ได้หมด และตอนนี้อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผู้หญิงอายุ 40 ก็สามารถแต่งตัวแบบสาว 20 ได้”

โดยคุณเมาริซิโอ้บอกว่ามิติในการออกแบบของทั้ง LYN และ Jelly Bunny จะอยู่บนพื้นฐาน 3 อย่าง
1. Form รูปทรง สิ่งที่เราเห็น
2. Function การใช้งาน เช่น ส้นสูงใส่ไปเดท ส้นแบนใส่ในวันหยุดสบายๆ
3. Experience ประสบการณ์ = Feel

คาแรกเตอร์ที่ชัดเจนของ 2 แบรนด์นี้คือ...

Jelly Bunny
“You Deserve to Have More Fun”
“ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะต้องซื้อ แต่พวกเขาสนุกที่ได้ซื้อ ดังนั้นสินค้าของ Jelly Bunny จะสีสันสดใสหน่อย มีชีวิตชีวา ทั้งสินค้า การตกแต่งร้าน ภาพแคมเปญ คนเห็นแล้วต้องสนุกเลยแบบไม่ต้องพูดอะไรเลย รองเท้าของ Jelly Bunny จึงเป็นรองเท้าเบาๆ น่ารัก ดูเป็นเด็กผู้หญิง ใส่ได้ทุกวัน เราตกแต่งร้านที่สาขาสยามเซ็นเตอร์ให้มีกระต่ายตัวใหญ่ เป็นเหมือนชิ้นงานศิลปะให้คนมาถ่ายรูปได้ ตอนนี้ Jelly Bunny ขยายสาขาไปเปิดที่มาเลเซีย สิงคโปร์และกัมพูชาแล้ว”

 



LYN

“Fashion As Affordable Luxury”
“เพราะเราเห็นกลุ่มลูกค้าที่อยากมีสไตล์ที่หรูหรา อยากใส่กระเป๋า นาฬิกา รองเท้าที่เหมือนแบรนด์ไฮเอนด์ ไม่ได้พูดถึงดีไซน์แต่พูดถึงการรับรู้ ไม่ใช่แค่สินค้า ซึ่งร้านที่สยามเซ็นเตอร์ที่กำลังจะเปิดใหม่บนพื้นที่ใหญ่มาก เป็นแฟล็กชิปที่ได้ดีไซเนอร์มาจากอิตาลีช่วยออกแบบร้าน ใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหรา เพื่อให้ลูกค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ถ้าอยากดูเป็นสาวโมเดิร์น เก๋ๆ ประณีตในการแต่งตัวเข้ามาดูได้และเอาสไตล์คลาสซี่ ใส่สบายกลับไป บางชิ้นตกแต่งเยอะๆ บางชิ้นดีไซน์เรียบง่าย โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง Isabella Micro Bag และ Sophia Micro ที่โด่งดังมากจะมีสีใหม่ๆ ให้เลือกกัน” เรียกว่าความพิเศษของ LYN ที่สยามเซ็นเตอร์จะเป็นแฟล็กชิปสโตร์ที่มีของครบไลน์ อยากได้ชิ้นไหนมาเลือกที่นี่ ไม่ผิดหวังแน่นอน

 



คุณเมาริซิโอ้ย้ำว่าในโลกออนไลน์อย่างนี้ต้องคอนเน็คกับลูกค้าให้เร็วขึ้น ใกล้ชิดขึ้นและเข้ามาที่ร้านมาได้ทดลองสินค้า มาได้สัมผัสกับกลิ่นหอมๆ และสุดท้ายเมื่อคุณมาที่ซื้อของที่ LYN, Jelly Bunny, Quinn หรือ Lyn Around คุณจะได้ทั้งคุณภาพ ความสบายและดีไซน์ที่ทำให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น มีเรื่องดีๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม คุณใส่รองเท้าไปเดท คุณมีท่าที่สวยงามและมั่นใจ นี่คือความเป็นผู้หญิงที่มีอยู่ในทุกคน

 

สาวๆ พร้อมที่จะ Be a Better Person แล้วหรือยัง  มาพบกับประสบการณ์ดีๆ ได้ที่ร้าน Jelly Bunny ชั้น M กับรองเท้าใส่ง่ายๆ หลายโอกาส แล้วไปต่อกันที่ LYN Pop Up Store ชั้น G พบกระเป๋า รองเท้า แอคเซสเซอรี่สุดเก๋รวมทั้งจับตารอร้าน LYN โฉมใหม่สุดหรูหราเร็วๆ นี้ที่ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ จัดเต็มทุกคอลเลคชั่นแน่นอน!

YOU MAY ALSO LIKE