BACK TO EXPLORE

Gentlewoman กับนิยามใหม่ของผู้หญิงในแบบ Shaka

Gentlewoman กับนิยามใหม่ของผู้หญิงในแบบ Shaka
เสื้อผ้าของหญิงสาวที่มีรสนิยม แต่แฝงความสนุกในทุกดีเทล

หากนึกถึงสไตล์ของแบรนด์ไทยที่สื่อภาพของสุภาพสตรีที่ดู ‘มีอะไร’ แต่ไม่โหวกแหวก สไตล์ของแบรนด์ ‘Shaka’ ย่อมเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน

 

คอแฟชั่นชาวไทยย่อมคุ้นชื่อ Shaka มาตั้งแต่ปี 2000 แบรนด์นี้เกิดจากวิสัยทัศน์ของลลิษณัลล์ ขะมาลา ซึ่งเคยร่วมงานกับมิสเตอร์วาตานาเบ้ เจ้าของบริษัท YM.Fashion ผู้ผลิตแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังจากแดนปลาดิบอย่าง Yacco Maricard แต่เพราะสไตล์ของยัคโคะมาริคาร์ดในตอนนั้นค่อนข้างดูโต จับกลุ่มเป้าหมายผู้ใหญ่ จึงทำให้ลลิษณัลล์จับมือกับพาร์ทเนอร์ชาวญี่ปุ่นก่อตั้งแบรนด์ Shaka เน้นทำเสื้อผ้าที่ดูเด็กลง เปี่ยมรสนิยม แต่แฝงความสนุกไว้ในทุกดีเทล

 

แม้จะผ่านมา 18 ปี แต่ชากะไม่เคยทิ้งตัวตนของผู้หญิงในแบบ Gentlewoman ผ่านการออกแบบของดีไซเนอร์รุ่นเก๋าอย่าง ‘ชาตรี เท่งฮะ’ ผู้เคยกวาดรางวัลจากเวทีการประกวดแฟชั่นในยุค 90 มานับไม่ถ้วน “แรงบัลดาลใจที่ทำผมให้สนใจเสื้อผ้าคือ Issey Miyake เพราะเขาสนใจแฟชั่นในเชิงโครงสร้าง innovation และความช่างคิดในการหยิบเอาดีไซน์มาอยู่บนเรือนร่างมนุษย์”  ซึ่งชาตรีได้ทอนแนวคิดนั้นมาใช้ในคัตติ้งและเส้นสายกราฟฟิกของชากะ เมื่อประกอบกับแนวคิดของดีไซเนอร์ในทีมอย่าง ‘กมลชนก กนกนาก’ ที่สนใจแฟชั่นในแง่ของการสังเกตพฤติกรรมมนุษย์ ร่วมด้วยแนวคิดที่ ‘ณัฐนันท์ อยู่ชมบุญ’ เชื่อว่า เสื้อผ้าคือศิลปะที่สามารถเล่าเรื่องได้ สามประสานของมุมมองแฟชั่นที่ต่างกันในทีมนี้ทำให้เสื้อผ้าของชากะในทุกคอลเลคชั่นนั้นลุ่มลึก และตอบโจทย์ ‘ผู้หญิงแบบชากะ’ ได้อย่างลงตัว

 

“เอาตรงๆ นะ ผู้หญิงชากะไม่ใช่ผู้หญิงเปรี้ยว แต่คือผู้หญิงเท่ปนหวาน สุภาพ สมาร์ท ไม่เป็นเหยื่อของแฟชั่น อ่อนน้อมถ่อมตนแต่มีความมั่นใจในตัวเอง” หรือที่ทีมดีไซเนอร์เรียกนิยามของผู้หญิงแบบชากะว่า ‘Gentlewoman’ ซึ่งสะท้อนคาแรกเตอร์ผ่านลายเซ็นการออกแบบเสื้อผ้าของชากะ นั่นคือ การใช้สีหลักอย่างเนวี่บลู เบจ และสีโทนอบอุ่นสบายตาที่สื่อถึงความเป็นญี่ปุ่น มาพร้อมการคัดสรรผ้าคุณภาพจากญี่ปุ่นที่ให้ผิวสัมผัสพิเศษไม่เหมือนใคร และการออกแบบทรงเสื้อที่ให้อารมณ์กึ่งฟอร์มอล ไม่เป็นทางการจนเกร็ง แต่ก็ไม่ขี้เล่นจนเสียความสุขุม และที่ขาดไม่ได้คือซิกเนเจอร์ไอเท็มอย่างจั้มพ์สูท one piece ที่ถูกดีไซน์ให้เหมือนใส่เสื้อผ้า 2 ชิ้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เด่นของชากะที่แค่เห็นเป็นต้องรู้ทันที ที่สำคัญ ทุกชุดคำนึงถึงโอกาสในการใช้งานที่หลากหลาย เรียกได้ว่าสาวๆ ชากะสามารถอยู่ในชุดจั้มพ์สูทตั้งแต่ Day to night ใส่ไปประชุม แล้วต่อด้วยดินเนอร์ช่วงค่ำได้ทันทีโดยไม่เสียอารมณ์

 

Spring/ Summer 2018 นี้ ชากะต้อนรับลมร้อนด้วยคอลเลคชั่น Adolescence ที่จะมาบอกว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข “สมัยนี้ Youth has no age คนเดี๋ยวนี้ไม่ได้ดูที่อายุ อย่างลูกค้าชากะเอง บางทีแม่ก็มาซื้อกับลูก เราอยากขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น คอลเลคชั่นนี้จึงจับเอาความต่างของเจนเนอร์เรชั่นเอ็กซ์ของแม่ เจนฯ วายหรือแซดของลูก และหยิบเทรนด์ของความเป็น 90 ที่มีความมันมารวมกัน” โดยทีมดีไซเนอร์นำองค์ประกอบเหล่านั้นมาตีความใหม่และสื่อออกมาผ่านกราฟฟิกและสไตลิ่งที่ชวนมอง ออกแบบให้ทุกไอเท็มในคอลเลคชั่นนี้สามารถมิกซ์แอนด์แมชกันได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ทั้งคนเจนฯ เอ็กซ์ที่ชอบใส่เสื้อผ้าแบบฟูลลุคหรือเข้าชุดกัน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เด็กเจนฯ วายและแซดที่ชอบท้าทายกฎเกณฑ์การใส่เสื้อผ้าแบบ total look ดั้งเดิม และหันมามิกซ์แอนด์แมชในสไตล์ของตัวเองเพื่อสร้างลุคใหม่ที่คาดไม่ถึง

 

แต่ใช่ว่าชากะจะมีแต่ชุดที่ดูฟอร์มอล เพราะทีมดีไซเนอร์ได้แตกไลน์ย่อยคือ Shaka Leisure เพื่อสะท้อนไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงชากะในวันพักผ่อน หน้าร้อนนี้มาพร้อมคอลเลคชั่น Play yard ที่ล้อไปกับคอลเลคชั่นหลัก Adolescence “เป็นเหมือนพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ออกมาแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง เสื้อผ้าจะมีดีกรีที่สนุกขึ้น มิกซ์แอนด์แมชได้มากขึ้น มีสีสดๆ แซมเข้าไปให้มีสีสันของซัมเมอร์ เน้นเป็นเสื้อผ้าลำลองเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป เพราะอย่างคนยุคนี้จะแต่งตัวสบายๆ แบบแคชชวลแวร์กันมากขึ้น แต่ไม่ใช่ลำลองแบบยุคก่อนที่เน้นแต่การพักผ่อนอย่างเดียว ดังนั้น ชากะเลเชอร์จึงเป็นแคชชวลแวร์ที่สามารถใส่พักผ่อนและไปทำงานได้เช่นกัน” ด้วยสไตล์ที่มั่นคงและไม่เคยเปลี่ยนตามกระแสแฟชั่นแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกเลยที่ชากะจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งสไตล์ในใจของผู้หญิงแบบ Gentlewoman ทุกคน ร่วมสัมผัสนิยามของผู้หญิงในแบบชากะได้ที่ Shaka และ Shaka Leisure ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์

YOU MAY ALSO LIKE