BACK TO EXPLORE

“New Beginning - New Smile” มิติใหม่ของศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่จะสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้คน

สยามพิวรรธน์สร้างปรากฏการณ์นำโลกธุรกิจรีเทลสู่โมเดลใหม่ พร้อมรับวิถีชีวิต New Normal ก่อนใคร

❖ สยามพิวรรธน์ พลิกเกมนำโลกธุรกิจรีเทลสู่โมเดลใหม่ ตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็น ‘ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย’

❖ เปิดวิสัยทัศน์ “New Beginning - New Smile” มิติใหม่ของศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่จะสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้คน ตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภคในแบบ New Normal Innovative Lifestyle ด้วยการสร้าง Retail Ecosystem ผ่าน Sustainable Living Community ผสมผสานกับ Omni Shopping Channel

❖ ย้ำความมั่นใจสูงสุดด้วยมาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ครอบคลุมทุกมิติ (Innovative Health & Safety) ที่นำร่องปฏิบัติเป็นศูนย์การค้าแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร OneSiam Global Destinations ซึ่งเป็นการผนึกกำลังของศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของโครงการไอคอนสยาม อภิมหาโครงการเมืองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างปรากฏการณ์ให้วงการค้าปลีกอีกครั้ง  ด้วยการปฏิวัติโลกศูนย์การค้า เปลี่ยนผ่าน Covid-19 ก้าวสู่รีเทลโมเดลล่าสุดที่ตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ก่อนใคร

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลก นับจากนี้วิถีการดำรงชีวิตของทุกๆ คนจะเปลี่ยนแปลงไปในทุกด้าน สยามพิวรรธน์ ซึ่งมีวิสัยทัศน์การเป็น ‘ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย’  และเป็นผู้นำแห่งการนำเสนอสิ่งแปลกใหม่ให้ชีวิต หรือ The Icon of Innovative Lifestyle  ถือเป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะนำร่องโลกธุรกิจรีเทลสู่โมเดลใหม่ที่ต้องตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากของผู้บริโภค  ซึ่งนอกเหนือจากจะสร้างสูตรสำเร็จในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการทำศูนย์การค้าเพื่อโลกในอนาคต ด้วยการนำเสนอ business model ใหม่ที่สร้างขึ้นบนการมีส่วนร่วมของผู้นำในด้านต่างๆ ผ่านกระบวนการหลอมรวมทางความคิดและการสร้างสรรค์วิถีใหม่ของการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืนของทุกฝ่ายร่วมกัน (Sustainable Living) สืบสานและส่งต่อประโยชน์ให้แก่ผู้คนในวงกว้าง  ผ่านประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าที่เสริมสร้างชีวิตที่มีคุณภาพและสุขอนามัยที่เพิ่มขีดความสามารถของผู้คน อีกทั้งเป็นการสร้างประโยชน์และคุณค่าให้เกิดขึ้นแก่ผู้ผลิตและผู้ซื้อร่วมกัน เป็นระบบนิเวศน์ของธุรกิจค้าปลีก (Retail Ecosystem) ที่สร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนและจะสร้างความสุขให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านค้าหรือกลุ่มผู้ค้ารายย่อย ชุมชนสังคมและประเทศ

Sustainable Living วิถีใหม่ของการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ ยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) ด้วยการร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และการสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Values) เพื่อสร้างความเท่าเทียมและสร้างประโยชน์ร่วมกันให้เกิดขึ้นในสังคมทุกระดับ ยกระดับคุณภาพชีวิตและขีดความสามารถของคนไทย เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ โดยการเปิดพื้นที่ในทุกศูนย์การค้าของกลุ่มบริษัทฯเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME รวมถึงกลุ่มบุคคลพิเศษผู้พิการผู้ด้อยโอกาสจากทั่วประเทศได้แสดงความสามารถ หรือนำผลิตภัณฑ์ที่ได้ผลิตขึ้นมาวางจำหน่าย พร้อมสร้างกระบวนการในการเรียนรู้การทำธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งหาพันธมิตรจากสถาบันการเงินต่างๆ มาให้ความรู้เรื่องการออมและการลงทุน ให้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของการค้าผ่านการวิเคราะห์ Data Management เป็นองค์ความรู้ที่สร้างโอกาสสร้างรายได้และให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในความสามารถของตน  ได้แสดงศักยภาพ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่เพื่อต่อยอดสู่การค้าขายในเวทีโลก

ในวันนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ได้กระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั่วโลกให้ตระหนักถึงความสำคัญในแนวทางการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainable Living อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น  มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใส่ใจถึงสุขภาพของตนเองและมีจิตสำนึกเรื่องลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นเพื่อเศรษฐกิจยั่งยืน  โดยการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนวิถีไทย และผู้ประกอบการรายย่อยSME ทั้งนี้สินค้าอุปโภคและบริโภคยุค New Normal จะต้องนำเสนอคุณค่า (Value)ของสินค้าและประสบการณ์ ในด้าน Sustainability เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นสยามพิวรรธน์ ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่วงการศูนย์การค้าทั่วโลกจับตามองในการสร้างต้นแบบใหม่ๆของการค้าปลีก (Creative & Innovative Retail) ขอนำเสนอแนวทางการทำธุรกิจรีเทลที่ตอบสนองวิถีการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืน( Sustainable Living )ได้แก่

• นำเสนอระบบนิเวศน์ของธุรกิจค้าปลีก (Retail Ecosystem) สร้างประโยชน์และคุณค่าให้เกิดขึ้นแก่ผู้ผลิตและผู้ซื้อร่วมกัน
   วิกฤตการณ์ในครั้งนี้จะเป็นจุดสำคัญที่ก่อให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนคนไทยด้วยกันเอง  สยามพิวรรธน์ ขอนำรอยยิ้มให้กลับคืนสู่สยามเมืองยิ้ม โดยร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและกอบกู้วิกฤตครั้งนี้ ด้วยโครงการ “สยามพิวรรธน์ ไทยช่วยไทย” ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจโดยเปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อาทิ การจัด  “ตลาดฟื้นใจไทย” ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบต้องเปลี่ยนผันอาชีพ  นำสินค้าและผลิตภัณฑ์จากชุมชนทั่วประเทศมาจำหน่ายโดยไม่คิดค่าเช่า  เปิดพื้นที่ รอยัลพารากอนฮอลล์ และ ทรูไอคอน ฮอลล์ ให้ผู้ประกอบการสินค้าส่งออกที่ประสบปัญหาไม่สามารถส่งสินค้าไปยังต่างประเทศมีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้า โดยจะทำงานร่วมกับภาครัฐ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรและนวัตกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ การจัดพื้นที่ตลาดนัดช่วยผู้ประกอบการรายย่อย โดย กันตนากรุ๊ป รวบรวมร้านดังมาออกร้านจำหน่ายสินค้าคุณภาพและอาหารรสเลิศ เป็นต้น
   แนวทางการสร้างสังคมค้าปลีกลักษณะไทยช่วยไทยนับเป็นการสร้างความสุขและรอยยิ้ม New Beginning - New Smile ให้ทั้งผู้ประกอบการที่ขาดรายได้ต้องการความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันลูกค้าที่ได้จับจ่ายอุดหนุนสินค้าก็ได้รับความสุขและได้รอยยิ้มที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน เป็นพลังผลักดันให้สังคมไทยก้าวข้ามผ่านวิกฤตและสร้างการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ

• นำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ โดย Ecotopia  ณ สยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งจะเป็นอีโค่คอมมูนิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย บนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รวบรวมสินค้าเพื่อวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนอง Sustainable Living ในทุกมิติ เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพและรักษาสุขอนามัย สินค้าที่ผลิตโดยไม่ใช้สารเคมี สินค้าและอาหารออร์แกนิค สินค้าที่กระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม สินค้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ สินค้า re-use, recycle เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมกิจกรรม work shop เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมและโลก การเพิ่มขีดความสามารถของคนผ่านนวัตกรรมปรับจิตและร่างกายให้แข็งแรง โดย Ecotopia นี้ สร้างสรรค์จากความรู้ความเชี่ยวชาญของ ผู้นำ Eco communityในสาขาต่างๆ รวม 12 ท่านร่วมกับสยามพิวรรธน์เพื่อให้เป็นพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งความสุขที่เติบโตด้วยความยั่งยืนในโลกที่มีความสมดุลย์ของนวัตกรรมและธรรมชาติ

• นำเสนอชีวิตวิถีใหม่อย่างมีสไตล์ โดยพลังของการ Co-Creation & Collaboration สยามพิวรรธน์เชื่อในศักยภาพและคุณค่าของการผสานความร่วมมือกับผู้มีความเชี่ยวชาญในทุกแขนง ดังจะเห็นได้จากการร่วม Co-Creation และ Collaboration ที่ผ่านมามากมายซึ่งสร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนมาโดยตลอด สยามพิวรรธน์จึงเพิ่มพลังบวกให้แก่วิถีชีวิตของทุกคน โดยเติมพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ช่วยกระตุ้น สร้างสีสัน และมอบความสุขง่ายๆ อย่างมีสไตล์ อาทิ  การจัดโซนพิเศษ ใน สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ โดยร่วมกับร้านค้าแบรนด์ดังและเหล่านักออกแบบดีไซเนอร์ไทย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับชีวิต New Normal อย่างมีสไตล์และเติมสีสันให้รูปแบบ Sustainable Living ให้สนุกยิ่งขึ้น ผ่านสินค้าแฟชั่นที่สร้างสรรค์ตามฟังก์ชั่นการใช้งานของชีวิตวิถีใหม่ ผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาสุขอนามัยต่างๆ ที่มีดีไซน์ล้ำเทรนด์  รวมถึงอุปกรณ์ Gadget ทันสมัยพร้อมฟังก์ชั่นที่เหมาะกับโลกปัจจุบัน


Omni Channel Shopping ประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ที่ผสมผสานทุกช่องทาง

ในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้บริโภคในการช้อปปิ้งออนไลน์มีมากขึ้น ผู้บริโภคเกิดความคุ้นเคย และมีกลุ่มเป้าหมายที่สนใจช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น วันสยามและไอคอนสยาม มีช่องทางการช้อปปิ้งโดยใช้ดิจิทัล เทคโนโลยีพร้อมตอบสนองความต้องการการช้อปปิ้งในแบบ Omni Channel Shopping ที่การผสานการช้อปปิ้งระหว่าง On-line และ Off-line ได้แก่

• ครั้งแรกของเมืองไทยที่สยามพิวรรธน์มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งลักซ์ชัวรี่แบรนด์ทาง S-commerce ด้วยบริการ “Luxury Chat & Shop” สยามพารากอนและไอคอนสยามซึ่งเป็นศูนย์รวมแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก ได้สร้างปรากฏการณ์เปิดให้ช้อปปิ้งออนไลน์ส่งตรงจากลักซ์ชัวรี่แฟล็กชิปสโตร์ถึงหน้าบ้าน  ซึ่งไม่เคยมีศูนย์การค้าใดสามารถทำได้มาก่อน  ทำให้เหล่าแบรนด์ดังทั่วโลกให้ความสนใจและศึกษาแนวทางการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ปัจจุบัน มีลักซ์ชัวรี่แบรนด์ที่เข้ามาร่วมจำหน่ายในช่องทาง Luxury Chat & Shop มากมาย อาทิ Balenciaga, Bally, Boss Hugo Boss, Bottega Veneta, Burberry, BVLGARI, Coach, Dolce&Gabbana, Fendi, Furla, Givenchy, Gucci, Jimmy Choo, Loewe, Kwanpen, Longchamp, MaxMara, MCM, Mulberry, Michael Kors, Off-White, Paul Smith, PRADA, Philipp Plein, Salvatore Ferragamo , Tiffany & Co., Versace ซึ่งประสบความสำเร็จมีลูกค้าให้การตอบรับอย่างต่อเนื่อง
   นอกจากนั้น “OneSiam & ICONSIAM Chat & Shop” ยังนำเสนอสินค้าใช้ในชีวิตประจำวัน แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ที่พร้อมให้ลูกค้าช้อปปิ้งในทุกที่ทุกเวลาพร้อมกับการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับวันสยามอย่างใกล้ชิด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย

• OneSiam Application และ Line @OneSiam ที่นำเสนอข้อความข่าวสารและสิทธิประโยชน์ รวมความตื่นตาตื่นใจ และแรงบันดาลใจ ทั้งในโลกจากสินค้า luxury brands,  fashion, beauty, dining, living และ entertaining ปัจจุบัน มีผู้สนใจดาวน์โหลด OneSiam Application รวมกว่า 200,000 คน และ Line @OneSiam มีสมาชิกกว่า 720,000 คน

• บริการที่ตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ อาทิ “Call & Pick Up”  บริการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากกูร์เมต์มาร์เก็ต สยามพารากอน, ซูเปอร์มาร์เก็ต Dear Tummy  และ Taka Marche ที่ไอคอนสยาม ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตที่ต้องการใช้เวลาในการช้อปปิ้งอย่างคุ้มค่า การทำลิสต์และสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า แล้วมารับสินค้าเป็นรูปแบบรีเทลยุคใหม่ที่มอบความสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถใช้เวลาในการเลือกช้อปปิ้งในสินค้าอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่ , และ บริการ “Eat @ Home” และ Eat @ Condo รวบรวมร้านอาหารในสยามพารากอนและไอคอนสยามที่เปิดให้บริการให้สั่งกลับบ้าน และ Food Delivery

• “Siam Center Virtual Mall” ยกสยามเซ็นเตอร์สู่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งบนโลกดิจิทัล สร้างปรากฏการณ์ให้แก่ธุรกิจค้าปลีกอีกครั้งโดยผนึกกำลังกับ LAZADA ผู้นำอีคอมเมิร์ซแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัวให้ช้อปตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถช้อปและรับแรงบันดาลใจจากสยามเซ็นเตอร์ได้ทุกเมื่อ โดยเปิดให้บริการผ่าน www.lazada.co.th หรือแอปพลิเคชัน LAZADA

Omni Channel Shopping เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สยามพิวรรธน์ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วน และประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ซึ่งสยามพิวรรธน์จะยังคงดำเนินการต่อไปและพัฒนาไปสู่จุดสูงสุดของการตลาดแบบ Omi Channel Shopping ในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่


มาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์  (Innovative Health & Safety)

ศูนย์การค้าคือสถานที่มอบความสุขให้แก่ผู้คน ศูนย์การค้ายุคใหม่ต้องสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยและได้รับการดูแลเอาใจใส่ตลอดการใช้เวลาภายในศูนย์ฯ สยามพิวรรธน์เป็นศูนย์การค้าแรกที่นำร่องดำเนินมาตรการรักษาสุขอนามัยให้แก่ลูกค้าและพนักงานทุกคนอย่างสูงสุดและเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ช่วงแรกของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ในการเปิดให้บริการอีกครั้ง สยามพิวรรธน์ยังคงรักษามาตรฐานดังกล่าวอย่างเข้มงวด และ Maximize เพิ่มความใส่ใจดูแลทุกจุดสัมผัส พร้อมส่งเสริมให้คนไทยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด โดยมีมาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์  (Innovative Health & Safety) สร้างความมั่นใจแก่พันธมิตร คู่ค้า และประชาชนที่มาใช้บริการเต็มรูปแบบ ดังนี้

1.มาตรการสุขอนามัยของพนักงานผู้ให้บริการ
   คัดกรองตรวจสุขภาพพนักงานก่อนทำงานและติดตามเข้มงวด กำหนดมาตรการให้พนักงานรักษาอนามัยป้องกันตนเองสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าตลอดเวลา

2.มาตรการความปลอดภัยของศูนย์การค้า
   ทำความสะอาดอย่างล้ำลึก (Deep Clean) ก่อนเปิดให้บริการในทุกพื้นที่, ตั้งจุดคัดกรองลูกค้าเข้มงวด 100% ทุกจุดโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย อาทิ ประตูพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ , หุ่นยนต์อัจฉริยะ True5G Temi Thermal Scan AutoBot, การลดความแออัดและรักษาระยะห่างเพื่อสุขอนามัย, การดูแลความสะอาดทุกจุดสัมผัส ตลอดจนการจัดการระบบระบายอากาศและถ่ายเทอากาศภายในอาคารที่เหมาะสม

3.มาตรการเพื่อความมั่นใจสูงสุดของลูกค้าผู้ใช้บริการ
   ผสานเทคโนโลยีปรับพฤติกรรมรูปแบบการใช้ชีวิต New Normal ที่ผู้ใช้บริการต้องโหลด Application เพื่อลงทะเบียนการเข้า – ออก และเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้ามากยิ่งขึ้น สยามพิวรรธน์ได้สร้างสรรค์วิธีการให้ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวแล้วรับ e-pass ส่วนตัวสำหรับใช้สแกนเข้าออกง่ายดายในทุกครั้งที่มาช้อป  ผ่าน Application หรือ QR CODE รวมถึงใช้ OneSiam Application และ ICONSIAM Application เพื่อวางแผนช้อปปิ้งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว, การดูแลป้องกันตนเองใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และทำความสะอาดมือด้วยเจลล้างมือเป็นประจำ นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ ยังนำเสนอรูปแบบการช้อปปิ้งในแบบ cashless อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นสำหรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต และช่องทางการชำระเงินระบบดิจิทัล


“วิสัยทัศน์ ‘New Beginning - New Smile’ ของสยามพิวรรธน์จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการทำศูนย์การค้าเพื่อโลกในอนาคต ที่สร้างความสุขและนำรอยยิ้มสยามกลับคืนมาสู่คนไทยอีกครั้ง ขณะเดียวกันจะเป็นโมเดลใหม่ของโลกธุรกิจรีเทลเพื่อตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ได้ตรงที่สุดด้วย”

สยามพิวรรธน์เชื่อมั่นว่า การดำรงไว้ซึ่งทัศนคติเชิงบวก รักษาวินัยเพื่อชาติ ด้วยความรักความปรารถนาดีของคนไทยที่มีต่อกัน จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่เอาชนะทุกสิ่งได้สำเร็จ  เราจะร่วมแรงร่วมใจกันกอบกู้ ‘ยิ้มสยาม’ ให้คืนมาสู่คนไทยทุกคน และเราจะนำพารอยยิ้มของคนทั้งโลกกลับมาสู่ประเทศไทย และเป็น ‘ชัยชนะร่วมกันของคนไทยทั้งชาติ” นางชฎาทิพ กล่าว