BACK TO EXPLORE

3 แบรนด์ไทยหัวใจครีเอทใน Absolute Siam Space

3 แบรนด์ไทยหัวใจครีเอทใน Absolute Siam Space
พื้นที่ส่วนต่อขยายของความคูลที่แตกต่าง

Absolute Siam Store ขยายพื้นที่แห่งความครีเอทีฟสุดล้ำ คิวเรทแบรนด์ไทยสายอาร์ต มานำเสนอในพื้นที่ส่วนต่อขยาย มีทั้งผลงานสุดน่าสนใจจาก Ek Thongprasert ถุงผ้าช้อปปิ้งทอลวดลายเก๋ไก่ สามารถใช้ได้สองด้าน จากแบรนด์ OMT และสินค้าไลฟ์สไตล์และของฝากน่ารักๆ จาก มหานคร ชวนคุณมาช้อปและรู้จักทั้ง 3 แบรนด์ให้มากขึ้นอีกนิดที่ Absolute Siam Space ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์




Collector Project
คอลเล็กชั่นที่ครีเอทจากของสะสมส่วนตัวของ Ek Thongprasert

เราคุ้นเคยกับชื่อของ Ek Thongprasert ว่าเป็นแบรนด์เครื่องประดับที่มักมีผลงานคอลเล็กชั่นสุดปัง แตกต่างด้วยคอนเซ็ปต์ไม่เหมือนใครมานำเสนออยู่เสมอ แต่ความสามารถในการครีเอทผลงานของ เอก ทองประเสริฐ ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยนิยามความเป็นจีเวลรี่ดีไซเนอร์ หรือ แฟชั่นดีไซเนอร์เท่านั้น เราบอกได้ว่าการทำงานของเขามีความเป็นอาร์ติสท์สุดจัดจ้าน สะท้อนผ่านคอลเล็กชั่นพิเศษ Collector Project ที่ตอนนี้วางขายอยู่ที่ Absolute Siam Space ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์



Collector Project โปรเจ็กต์น้องใหม่ล่าสุดในมือของเอก ทองประเสริฐ ตามชื่อเลยก็คือนักสะสม เป็นคอลเล็กชั่นที่เกิดขึ้นจากการเก็บสะสมผ้าเก่า ผ้าพื้นเมือง และของกระจุกกระจิกจากการเดินทางตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่แล้วไอเดียแรกเริ่มของการทำโปรเจ็กต์นี้ก็เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่เขาได้ลงไปทำงานพัฒนาผ้าไทยกับกระทรวงวัฒนธรรม คือการออกแบบคอลเล็กชั่นผ้าไหมเป็นครั้งแรก ได้นำผ้าไหมมาทำเสื้อผ้าในมุมมองที่อยากใส่จริงๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการบุกเบิกโปรเจ็กต์นี้ ต่อยอดเอาของสะสมที่คนอื่นอาจจะมองว่าเชย เอามารียูสใหม่ให้เป็นไอเท็มที่เข้ากับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน




“คอนเซ็ปต์หลักของ Collector Project ตัวเอกคือวัสดุที่แตกต่างกัน ที่ Pop-up ตรงนี้วัสดุมีแค่ 3 ประเภท ตัวที่ผมใส่อยู่อันนี้คือ ครอสติตช์ ที่เอาด้ายมาปักเป็นภาพ ส่วนทางขวาคือ Tea towel เป็นผ้าเช็ดจานในครัวที่เอามาคอลลาจใหม่ให้เกิดเป็นเสื้อ ส่วนอันที่สามคือพวกผ้ายันต์ และปลัดขิกต่างๆ อันนี้เกิดจากเราไปวัดแล้วเจอว่าเขาขายยันต์อยู่นะ แล้วความเชื่อมันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับไทยมานาน เราก็ตั้งคำถามอีกว่า เราปรับมุมมองมันได้มั้ย แทนที่ยันต์จะแปะอยู่ในบ้าน มันกลายเป็นเสื้อเราได้มั้ย ซึ่งฟังก์ชั่นมันคล้ายๆ กันก็คือบ้านกับร่างกาย ผมมองว่าร่างกายก็คือบ้านของวิญญาณ”




การออกแบบโดยใช้วัสดุ 3 อย่างนี้มาบิดมุมมองใหม่ เชื่อมโยงสีสันและรูปแบบเสื้อผ้าตามยุคสมัย จนเกิดเป็นไอเท็มเสื้อผ้าที่มีอยู่เพียงอย่างละ 1 ชิ้น กลายเป็นคอลเล็กชั่นที่ถ้าคนรักแฟชั่นได้เห็นแล้วไม่สามารถจะปล่อยผ่านไปได้ ต้องมีเก็บไว้ในคอลเล็กชั่นส่วนตัวสักชุด




“มหานคร” แห่งความสนุกและน่าจดจำ
เพราะความตั้งใจที่อยากสร้างชื่อเสียงของประเทศไทยให้คนทั่วโลกได้รับรู้ พร้อมผลักดันอัตลักษณ์ของไทยออกสู่สากลมากขึ้น จึงเกิดเป็น “มหานคร” แฟชั่นไอเท็มที่น่าจดจำ

“มหานคร” เริ่มต้นจากการเป็นแบรนด์ซูวีเนียร์ไอเท็มที่ขายสินค้าให้กับชาวต่างชาติมาเป็นเวลานับสิบปี โดยมีความตั้งใจอยากสร้างชื่อเสียงของประเทศไทยให้คนทั่วโลกได้รับรู้ ด้วยการนำอัตลักษณ์ความเป็นไทยมาพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบและลวดลายให้ทันสมัย แฟชั่น แปลกใหม่มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนยุคใหม่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยยึดหลักการ หากนึกถึงกรุงเทพมหานคร ต้องนึกถึงแบรนด์ “มหานคร” เป็นอันดับแรก




คุณจอย-นิตยตา ปรีชาพรกุล ดีไซเนอร์ของแบรนด์มหานคร เล่าว่า “เรามองว่าประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่ซับซ้อน หลากหลาย นอกจากมีความคอนเซอร์เวทีฟยังมีความโมเดิร์นผสมอยู่ ตรงนี้คือสิ่งที่น่าสนใจที่สุด เราจึงอยากนำสิ่งเหล่านี้มาตอบโจทย์นิวเจเนอเรชันรุ่นใหม่ จากเดิมที่ลูกค้าเราเป็นชาวต่างชาติ เราเริ่มกลับมาโฟกัสลูกค้าคนไทย จึงทำสินค้าที่เป็นกลาง ๆ ใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยใช้วัสดุที่เหมาะสำหรับคนไทย ใส่แล้วสบาย ไม่ร้อน โดยคาแรคเตอร์และดีเทลทุกอย่างถูกคิดมาจากคำถามที่ว่า กรุงเทพฯ คืออะไร กรุงเทพฯ มีอะไร อะไรที่ดูแล้วรู้เลยว่าคือกรุงเทพฯ เวลาชาวต่างชาตินึกถึงประเทศไทยแล้วนึกถึงอะไร เราจึงนำยักษ์ ทุเรียน ที่เป็นอัตลักษณ์ของเมืองไทยมาออกแบบให้ตรงกับคอนเซ็ปต์ของเราเพื่อให้ดูแฟชั่น ทันสมัยมากขึ้น ในอนาคต ถ้าเกิดสถานการณ์มันดีกว่านี้ ลูกค้าต่างชาติเป็นเป้าหมายหลักอยู่แล้ว เราก็จะพยายามผลักดันคาแรคเตอร์เหล่านี้ออกสู่สากลมากขึ้น”




จากจุดเริ่มต้นที่จำหน่ายซูวีเนียร์ไอเท็มธรรมดาให้กับชาวต่างชาติ กลายเป็นแบรนด์ “มหานคร” ที่สร้างสรรค์ผลงานสุดชิค ตอบโจทย์นิวเจเนอเรชั่นยุคใหม่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจนใคร ๆ ต่างก็พูดถึง




OneMoreThing
งานเซอร์เฟสผ้าทอที่แหกคอกและนอกกรอบ

คุณหนุ่ม-ณรงค์ศักดิ์ ทองวัฒนาพานิช ผู้ก่อตั้งและเจ้าของแบรนด์ “OneMoreThing” ผู้คร่ำหวอดในวงการสิ่งทอและดีไซน์มาอย่างยาวนาน นำองค์ความรู้และทรัพยากรทั้งหมดที่มีมาผสมผสานและปรับเป็นวิถีใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น จนกลายเป็น “OneMoreThing” แบรนด์ที่สร้างสรรค์เซอร์เฟสจากวัสดุที่หลากหลายและอาจกลายเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญในชีวิตคุณ




OneMoreThing คือ “ความแหกคอกและนอกกรอบ” แตกต่างทั้งวัสดุ เครื่องจักร และลวดลาย โดยมุ่งเน้นสร้างงานพื้นผิวผ้าทอผ่านการออกแบบที่ร่วมสมัย แต่ยังคงเทคนิคแบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยมีคุณโอ-ศรัณย์ เย็นปัญญา เป็นครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ในการออกแบบแพนเทิร์น ลวดลายต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีลายพิเศษกับศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย โดยใช้วัสดุรีไซเคิลโพลีเอสเตอร์ ที่สามารถทอได้ในรายละเอียดสูง ได้สีจำนวนมาก และทำเป็นลายภาพในลักษณะโฟโต้ได้ อีกทั้งยังมีความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้งานได้นาน เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย




คุณหนุ่มเล่าเพิ่มเติมว่า “เราต้องการสร้างตัวตนที่แตกต่างจากสิ่งอื่น เราหนีจากเรดโอเชี่ยนเดิม จากธุรกิจรับจ้างที่ต้องทำอะไรเดิม ๆ เรารู้สึกว่าอาชีพในลักษณะนี้ไม่ค่อยเหมาะในยุคปัจจุบันและยุคต่อ ๆ ไป เราต้องดิสรัปชั่นตัวเราเองก่อน ก่อนที่เราจะถูกคนอื่นดิสรัป แต่ความจริงคลื่นของดิสรัปมันมาแล้วและเราก็สัมผัสได้แล้ว เราจึงหันมาทำอะไรแบบนี้ เราจึงสร้างแบรนด์ขึ้นมา โดยคาแรกเตอร์ของแบรนด์จะต้องมีความ “แหกคอกและนอกกรอบ” เราจะต้องแตกต่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ เครื่องจักร ลวดลาย ซึ่งนอกจากเราจะมีลายของเราเองที่หาจากไหนไม่ได้แล้ว ก็ยังมีลายพิเศษกับศิลปิน เรามองว่าศิลปินส่วนใหญ่เวลาปล่อยของ จะออกมาในรูปแบบของการวาด ไม่ว่าจะเป็นการวาดด้วยมือหรือคอมพิวเตอร์ และจะไปจบที่งานพิมพ์ แต่การทำสเกลแบบเรา มันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีคนทำ การพรินต์บนกระดาษ ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่ทำแบบเรา ไม่มีใครทำได้”

แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ด้วยความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่มีอยู่มากมาย ทำให้ OneMoreThing สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างที่ไม่มีใครสามารถทำได้ ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนถูกใจใครหลาย ๆ คน

YOU MAY ALSO LIKE