BACK TO EXPLORE

แฟชั่นที่ยั่งยืนในมุมมองของ “Rotsaniyom”

แฟชั่นที่ยั่งยืนในมุมมองของ “Rotsaniyom”
เรื่องราวมุมใหม่ของแบรนด์ พร้อมเผยคอลเลกชั่น Spring Summer 2019

ความสำเร็จของแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่น SS18 “Sun” ที่ได้เผยโฉมในงาน BIFW 2018 เมื่อปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี วันนี้เราได้กลับมาคุยกับ คุณอ๊อฟ – พงศ์ศักดิ์ ศุภรัชชีพ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Rotsaniyom อีกครั้งถึงโลเกชั่นร้านใหม่ ความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นกับแบรนด์เสื้อผ้าลูกไม้คาแรคเตอร์โดดเด่นชัดเจน ไปสู่การตีความแฟชั่นและรสนิยมอีกระดับที่สัมผัสได้ในคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด

10 ปีของการทำงานที่ผ่านมา ทุกปีคือการเริ่มต้นใหม่เสมอ
“ทุกครั้งที่มันผ่านไปแต่ละปี เรารู้สึกว่ามันคือการเริ่มต้นใหม่เสมอ - - มันเหมือนกับเรายังอ่อนต่อโลกมากๆ อย่างวันนี้เราคิดว่าสิ่งที่เจอมันอาจจะเจ๋ง แต่วันหน้ามันก็จะมีเรื่องใหม่เข้ามาก็ได้”

ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน Rotsaniyom ออกโลโก้ใหม่ของแบรนด์เป็นตัว R. จากชื่อแบรนด์ ซึ่งคุณอ๊อฟบอกกับเราว่า คืออีกหนึ่งเรื่องของการเริ่มต้นในแชปเตอร์ใหม่สำหรับแบรนด์ Rotsaniyom - - “10 ปีที่ผ่านมาเราพูดถึงความเป็นตัวเอง เราแสดงให้คนเห็นว่าเราเป็นยังไง ซึ่งตอนนี้คนก็เริ่มรู้แล้วว่าเราเป็นแบบไหน แต่เราจะเล่าเรื่องเดิมไปอีก 10 ปีข้างหน้าทำไม คิดกันอยู่ว่าจะเอาอะไรมานำเสนอให้กับคนได้บ้าง แล้วเราก็ไปเจอเรื่องความยั่งยืนของแฟชั่น (Sustainable Fashion) โอเคว่าตอนนี้มันเป็นเทรนด์ในเมืองนอกอยู่แล้ว ในเมืองไทยก็กำลังคืบคลานเข้ามา มันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว บวกกับเรื่อง Fast Fashion ที่มันมีเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นว่าเราก็เลยอยากจะทำตรงนี้ให้เข้มแข็งขึ้น”

Reduce Reuse Recycle เริ่มทำจากเบสิก
Rotsaniyom ยึดหลักการง่ายๆ จากอะไรที่พอจะทำได้ โดยพยายามไม่ใช้ทรัพยากรเพิ่ม หรือไม่ทำร้ายทรัพยากรที่มีอยู่ ใช้สิ่งที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด แม้ว่าอาจจะยังมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่คุณอ๊อฟคิดว่าการได้มีส่วนช่วยอะไรได้สัก 1-2% ก็ดีมากแล้ว เรื่องที่ใหญ่ขึ้นไปกว่านี้ค่อยว่ากัน กลายเป็นโปรเจ็กต์ “I’m From” ที่มีโลโก้ขึ้นมาใหม่เป็นรูปตัว R. และเครื่องหมายรีไซเคิล เพื่อบอกว่าสินค้าชิ้นนั้นๆ ทำจากเสื้อผ้ามือสองนำมารีไซเคิล

“เราเริ่มทำพรมที่มาจากเศษลูกไม้เหลือในออฟฟิศสำหรับขายในงาน Wonderfruit และหลังจากนั้นที่ร้านก็กำลังจะเปลี่ยนถุงช้อปปิ้งใหม่ บางทีจะเป็นถุงกระดาษหรือเป็นถุงผ้าที่เราเย็บขึ้นมาใหม่โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เป็นเสื้อยืดมือสอง ซึ่งมันมีเยอะมากเหมือนเป็นขยะรูปแบบหนึ่งของต่างชาติ เป็นขยะที่มาจากประเทศอเมริกา หรือประเทศที่เจริญแล้ว - - เราก็เลยลองมามองว่ามันไม่ใช่เสื้อมือสองทั่วไป แต่เป็นแมตทีเรียลอย่างหนึ่งซึ่งก็คือผ้าที่เราเอามาทำเป็นกระเป๋าผ้าให้กับลูกค้า”

“ไม่ใช่ว่าอยากจะลดโลกร้อนแล้วใช้กระเป๋าผ้า แต่ว่าตัดผ้ามาใหม่ ฟังดูดีแต่มันไม่สมเหตุสมผลเลย ไปเพิ่มการใช้ทรัพยากรอีก ก็เลยกลับมาที่ 3 หลักเดิม คือวนใช้ทรัพยากร เสื้อยืดมือสองเกิดมาแล้วก็เอากลับมาทำถุงช้อปปิ้งที่เราจะต้องให้ลูกค้าอยู่แล้ว เอาเข้าจริงๆ เป็นผลดีกับเราด้วย คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะตัดผ้าทำใหม่หรือเอาสิ่งที่มีอยู่แล้วมาวนใช้ ไม่ต่างกันเลย นี่คือสิ่งที่เราพยายามเริ่มทำกันอยู่”

 


แฟชั่นที่ยั่งยืน
นอกจากเป็นการเริ่มต้นทำในสิ่งที่จะส่งผลดีระยะยาวให้กับวงการแฟชั่นและสังคมโดยรวม คุณอ๊อฟยังมองว่าสิ่งที่ Rotsaniyom ทำ จะสามารถเป็นต้นแบบให้กับเด็กรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยในอนาคต “พ้อยท์ของความยั่งยืนที่ Rotsaniyom กำลังพูดถึงอยู่ก็คือ เราไม่ได้จะไปช่วยโลกร้อนอย่างเดียว แต่เราจะมาช่วยสังคมแฟชั่นบ้านเราว่าอย่าธุรกิจกันมากไปเลย สร้างทางเลือกให้กับคนชอบแฟชั่นกันหน่อยไหม สร้างความสนุกสนานให้กับมันหน่อย - - ให้เด็กรุ่นใหม่เห็นว่า การที่น้องจะทำแบรนด์แฟชั่น มันไม่จำเป็นต้องไปยึดเรื่องตัวเลขเรื่องมาร์เก็ตติ้งมากนัก พ้อยท์ไม่ได้อยู่ที่เงินที่น้องจะได้นะ แต่มันคือความภูมิใจในสิ่งที่น้องทำ ถ้าการประสบความสำเร็จคือการทำยอดได้เท่านั้นเท่านี้เราคงไม่มีความสุข ซึ่งเราอยากให้เด็กรุ่นใหม่เห็นว่าผ่านมา 10 ปีแฟชั่นที่เราทำแบบนี้มันก็อยู่ได้นะ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราอยากจะทำให้คนรุ่นใหม่คิดว่า มันถึงเวลาที่เราจะลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว”

 

ความหมายของการอยู่เคียงข้างกัน
- - This song says, no matter who you are, no matter where you go in your life. At some point you're going to need somebody to stand by you. - - ท่อนหนึ่งของเพลง Stand by me ในอัลบั้ม Songs Around The World โดยโปรเจ็กต์ Playing For Change

หากติดตามผลงานเสื้อผ้า Rotsaniyom เรื่อยมา เราจะเห็นได้ว่าแรงบันดาลใจในแต่ละคอลเลกชั่นของแบรนด์ ล้วนมาจากการใช้ชีวิตของคุณอ๊อฟและคุณกิ๊ฟ ผู้ร่วมกันสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา ซึ่งใน R. White Label คอลเลกชั่น “Side by Side” Spring Summer 2019 นี้ อินสไปร์มาจากความหมายของการมีกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก ครอบครัว หรือความสัมพันธ์ในแบบอื่น รวมถึงบางท่อนจากบทเพลง Stand by me เพลงต้นฉบับโดย Ben E. King ที่ถูกนำมาทำใหม่ในอัลบั้ม Songs Around The World โดยโปรเจ็กต์ Playing For Change เพื่อสื่อว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใครสิ่งสำคัญก็คือคนที่จะอยู่เคียงข้างคุณ คุณอาจจะไม่ต้องมีอะไรเลยก็ได้ แค่มีคนที่เข้าใจคุณและอยู่เคียงข้างกัน

“Side by Side ของเรามันคือครอบครัว คือลูก คือภรรยา เราก็เลยพูดถึงความเป็นผู้หญิงผู้ชาย สิ่งที่มีให้กัน คอลเลกชั่นนี้เราก็เลยพยายามพูดถึงอะไรที่มันจะคอยอยู่ใกล้ๆ กัน เคียงข้างกัน แบบที่เห็นใน lookbook ที่นางแบบนั่งอยู่แล้วก็มีถุงมือสีดำๆ มาเกาะไหล่ ให้รู้สึกว่าวันที่คุณเฟล มันก็ยังมีคนคอยอยู่เคียงข้างนะ - - พอแปลงเป็นเสื้อผ้า เราก็เลยเอาลุคความเป็นเฟมินีนและมาสคิวลินมารวมกัน เช่น ชุดที่ท่อนบนเป็นเชิ้ต ซึ่งมีความมาสคิวลิน แต่ท่อนล่างเป็นกระโปรงฟูฟ่องแบบเฟมินีน หรือลุคที่เอาเฟมินีนไว้ข้างในเป็นสายเดี่ยว บวกกับแจ็คเกตเดินป่าแบบมาสคิวลิน แล้วก็จะมีดีเทลเรื่องมือที่เป็นสัญลักษณ์เข้ามาใส่ในเสื้อผ้าด้วย”

สำหรับใครที่อาจจะไม่ทันได้ติดตามความเปลี่ยนแปลงใหม่ล่าสุด Rotsaniyom White ย้ายร้านจากที่เดิมมาอยู่โลเกชั่นใหม่ ชั้นเดิมฝั่งทางเชื่อมติดกับลานพาร์คพารากอน ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ และสำหรับคอลเลกชั่นใหม่ SS19 “Side by Side” ก็สามารถมาชมทีเซอร์บางไอเทมกันได้ที่ร้านเลย


YOU MAY ALSO LIKE